ในวันที่ฝนฉ่ำฟ้าเมื่ออาทิตย์ก่อน
ผมพาทีมงาน ก็มีเจ้านายและโปรดิวเซอร์ แล้วก็ ผู้ช่วยอีกสองคนไปดูสถานที่จัดงาน
ฝนตกมาเป็นระยะเหมือนฟ้ารั่ว
เบาบ้างแรงบ้างแล้วแต่อารมณ์ของใครสักคนในยามที่เหงา เบื่อ และ คร้านจะอธิบาย
สนาม 700 ปีเชียงใหม่ไม่เล็กนักสำหรับคนกรุงเทพ
เรายืนไหว้ศาลเจ้าที่ ที่แอบอยู่ตรงทางออกข้างสระว่ายน้ำ
ระหว่างไหว้ ผมขอให้ฝนไม่ตกช่วงที่เราทำงาน และบอกกล่าวง่ายๆว่า เดี๋ยวจะเอาอาหารคาวหวานมาถวาย
แล้วก็หันไปสั่งเจ้านายกับโปรดิวเซอร์ว่าอย่าลืมนะ
ตกบ่ายระหว่างทางไปสนามกีฬา ฝนก็ยังตกมาเป็นระยะ
ถึงที่มีร่องรอยของฝนทิ้งไว้ให้เห็นว่างานนี้มีลุ้น
ระหว่างงานไม่มีใครคิดถึงเรื่องฝน มีเรื่องอื่นให้ลุ้นมากกว่านั้น
จนเสร็จงาน….มองข้ามเขาไปเห็นเมฆฝนกำลังชักชวนพักพวกหยอกล้อและรอเวลาข้ามเขามาทักทายผืนใหญ่
ไม่ได้สนใจ เพราะกลับมาก็หลับ กลับกรุงเทพแต่เช้า
จบเรื่องที่เชียงใหม่แต่เพียงเท่านี้ ราตรีสวัสดิ์
กรุงเทพ แดดเปรี้ยงเมื่อเหยียบดอนเมือง
ผมขับรถออกมาจากบ้านพร้อมน้องรักคนนึงไปงานแต่งานเพื่อนรุ่นพี่ที่จบมาจากที่เดียวกัน
ปล่าวเราไม่ได้เจอกันตอนเรียน
เรามาเจอและสนิทกันตอนเที่ยวต่างหาก
พี่เจต โทรมาเมื่อบ่ายถามว่ามึงมาทันไหมป๊อป
ปล่าวไม่ใช่เจ้าบ่าวแน่นอน
แต่แกวานให้ไปเป็นพิธีกรในงาน ซึ่งเราก็คาดหวังความสนุกสนานจากการอำกันและกันให้มันครื้นเครง
พี่เจตกลัวงานไม่สนุกมากถึงขนาดบอกว่า มึงอำกูได้ทุกมุขเลยนะ
จะให้กูกินใบไผ่ อะไรก็ยอม กูอยากให้มันฮาๆ
ขับรถเข้าไปในงาน ตามสัญชาติญาณของคนทำงานและเป็นโรคชอบสำรวจสิ่งต่างๆรอบตัว
ผมแหงนหน้ามองฟ้า น้องรักมองตามพร้อมกับพูดออกมาว่า ไม่ตกหรอก
สิ้นเสียงไม่ตกหรอก ฟ้าร้องครืนนนนนนนน
ผมอธิบายน้องว่า ในการทำงาน ถ้าฟ้ามืดมาหรือว่าสว่างโล่งไม่น่ากลัวเท่าฟ้าสีเทาเข้าโพล้เพล้แบบนี้
น้องทำหน้างงๆ แล้วก็คงสงสัยว่า ไอ้อ้วนนี่พร่ำเพ้ออะไรของมันวะ ด้วยหน้าเหมือนหมาสงสัย
ผมเข้าใจว่าน้องเองก็คงงงอยู่เหมือนกัน หลังจากมันมาตามติดชีวิตออร์แกไนส์ซะหลายวัน
มันบอกสั้นๆว่า"มันส์"
ใกล้งานฝนเริ่มลงเม็ดโปรยปรายเบาๆพอให้เย็นย่ำนี้ไม่เงียบเหงา
แต่หน้าเจ้าบ่าวเจ้าสาวเริ่มเฉา
งาน Outdoor ด้วยนะ ไฮโซซะไม่มีล่ะ
ถึงแม้ทางเจ้าสาวจะเตรียมการป้องกันฝนตกไว้บ้าง แต่ไอ้"ไว้บ้าง"ก็ไม่น่าทัดทานอะไรได้มาก และงานจะกร่อยเอา
ผมยืนดูพายุที่กระหน่ำลงมา ถ้าจะพูดให้เป็นสิริมงคลก็เรียกว่า ฝนโปรยน้ำมนต์ลงมาแต่หนาเม็ดมากกว่าตอนแรก
เอาเป็นว่าถึงกางร่มคันใหญ่ยังไงก็ยังเปียกน่ะ
เจ้าสาวมองหน้าผมเสียงสั่นว่า ทำไงดีวะ แม่งตกเวลางานกูเลย
ฟ้าร้องครวญครางเหมือนจะเป็นพยานในการฉ่ำรักในค่ำคืนนี้
ใครไม่รู้พูดถึงเพลงเจ้าสาวที่กลัวฝน
แต่นาทีนั้น ผมว่าเจ้าบ่าวก็กลัวฝนเหมือนกันล่ะวะ
ผมบอกเธอและว่าที่สามี ให้ไปไหว้พระภูมิเจ้าที่ตั้งแต่เย็น แต่ติดว่าพิธียกน้ำชาทำให้ไม่ได้ไปไหว้
แต่แกบอกว่าไหว้พระไปแล้ว
ผมนึกในใจแบบกำปั้นทุบดินว่า ทำงานใช้สถานที่ ไหว้เจ้าที่สิวะ
หลังจากได้ธูปมา ผมชวนน้องที่ทำหน้าตาเหมือนหมาสงสัยให้เดินไปด้วย ไปช่วยจุดธูปให้ เพราะฝนแรงมากมายไปคนเดียวไม่ไหว
เหมือนจะรู้ทันความคิดมัน ผมเอ่ยดังๆไปในสายฝนและเสียงฟ้าร้องครวญคร่ำว่า
"ก็ไม่มีไรมากไปกว่า เราก็น่าจะลองทำดู ไม่มีอะไรเสียหายนี่ ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย จริงไหม"
น้องรักพยักหน้าด้วยสีหน้าเหมือนเห็นด้วยว่า เออจริง
ผมจุดธูปไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ แล้วก็เดินไปปักกลางสายฝนที่ยังตกลงมาอย่างหนาเม็ด
แล้วก็จุดอีกชุดสำหรับไหว้แม่พระธรณี (อันนี้แม่บอกมา นึกอะไรไม่ออก บอกแม่พระธรณี)
เอาล่ะ ก็ดีกว่าไม่ทำอะไร ยืนโทษฟ้าโทษฝนกันไป
ปักเสร็จ ยืนมองฝนที่ไม่ได้ซาเม็ดไป แถมมีฟ้าร้องครั้งใหญ่แถมให้ด้วย
มันตกหนักจนเดินกลับไปไม่ได้ ผมชะโงกมองธูปที่ปักไว้ตรงศาลพระภูมิ
สีแดงของธูปสว่างในที่มืด เป็นจุดแดงกลุ่มนึงกลางฟ้าที่มืดและฝนที่โปรย
ในใจก็สงสัยว่า ทำไมธูปไม่ดับ
อ้อยอิ่งในเวลาของบุหรี่หมดมวน
ฝนขาดเม็ดไปในชั่วขณะ ผมก้าวท้าวออกมาพร้อมน้องที่ทำหน้าตาเหรอหรานิดหน่อย เราเดินกลับไปที่งานด้วยการเดินโดยไม่ต้องกางร่ม!!!
แขกเริ่มทยอยมา ผมไปเตรียมตัวช่วยในงาน
ก็อำกันแทบจะตกสระน้ำ มุขอะไรเล่นได้ ก็ขนมาขายกัน มีพี่อ๊อด คีรีบูนมาร้องเพลงด้วย เพราะเป็นญาติเจ้าบ่าว
พี่อ๊อดยังเสียงดี และ มีความเป็นกันเอง เหมือนเปิดมินิคอนเสิร์ตย่อยๆ มีหยุดให้แฟนๆช่วยกันร้อง
บอกอายุคนในงานมากๆ
แน่นอนว่ามุขฝนตกหนักเพราะเจ้าสาวไปปักตะไคร้ฮาใช้ได้
ยิ่งมุขแก้ที่ว่า คนไปปักตะไคร้ใหม่เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายอย่างพี่โอ๊ทซะด้วย ฮาสองเท่า
งานผ่านไปด้วยดีและไม่มีฝน
ผมง่วงและเพลียจนต้องบอกพี่เจตและพี่ชัยว่า จะกลับล่ะ ไม่ไหว งานเสร็จแล้วคนกลับจะหมดแล้วเหลือแค่ 2 โต๊ะ ก็โต๊ะพวกเรากันเองน่ะล่ะ
เสียงคนโวยวายว่าฝนโปรยเม็ดลงมา และไม่ทันจะได้ร่ำลาดี ก็ตกลงมาห่าใหญ่
น้องรักทำหน้ายิ่งกว่าหมาสงสัย ร้อง"เฮ้ย"ออกมา พร้อมด้วยคำอุทานว่า "ขนลุกว่ะ"
เสียงพี่อีกคนร้องมาว่า อีป๊อป ทำไมมึงไม่ขอให้ฝนตกเช้าเลยวะ กูยังไม่อยากกลับ
เจ้าบ่าวบอกว่า อึ้งทึ่งเสียวมากๆ แกบอกว่าแกยืนมองตั้งแต่ผมหายเข้าไปในมุมมืดของศาลพักใหญ่ๆ
แล้วก็เดินออกมาอีกทีไม่มีฝนแล้ว แกบอกว่ามองอยู่ตลอด แทบไม่เชื่อเหมือนกัน แต่มันเป็นยังงั้นจริงๆ
น้องบอกว่า เหมือนไปรบชนะกลับมา รบกับพระพิรุณเนี่ยนะ บ้าแล้ว
หลายคนถามว่าทำยังไง ถามวิธีไหว้กันให้ควั่ก
ผมตอบเอาขำว่า เพราะผมยังซิง ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น
หลายคนไม่ยอมและต้องการคำตอบ
เหนื่อยและง่วงมากกว่าที่จะมีคำพูดอะไรออกไปในวงล้อมสัมพะเวสีเหล่านั้น
ผมตัดสินใจบอกข้อเท็จจริงออกไปว่า
"ผมก็แค่บอกว่า เจ้าที่ครับ ช่วยบอกสายฝนด้วยว่า ขอเวลาให้คนเอากันอย่างเป็นทางการสักครึ่งคืนเถิดครับ
แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้อีสองผัวเมียนั่นมาไหว้อาหารคาวหวานท่านละกัน
ขอบคุณครับ"
แล้วฝนก็หยุดตก ฮ่าๆ
ไม่รู้ว่าพระพิรุณจะชอบในคำอฐิษฐานหรือว่าเจ้าที่จะชอบอาหารคาวหวาน
แต่หลังจากฝนหยุดตกมาจนถึงเวลางานเลิก
แล้วมาตกใหม่เพื่อให้คนกราบไหว้ผมเล่นนั้น
ผมคิดเอาแบบมีเหตุผลอธิบายง่ายๆว่า
ทั้งเจ้าที่และสิ่งศักดิ์คิด คงเปิดบัญชีหาข้อมูลของเจ้าบ่าวเจ้าสาวฆ่าเวลาระหว่างดูมุขฮาๆของผมบนเวที
แต่หลังจากเสริชกูเกิ้ลและเข้าดาต้าเบสท์ของท่านยมมี่ เพื่อนซี้แล้ว
ทั้งเจ้าที่และสิ่งศักดิ์จึงล่วงรู้ว่า
มันสองคนได้กันมานานแล้วววววววววว
ผมคิดว่าทั้งเจ้าที่และสิ่งศักดิ์คิดยังงั้นเลยตกแบบไม่ยั้งหลังงานเลิก
ไม่รู้ว่าท่านจะโกรธเจ้าบ่าวเจ้าสาวไหมที่ไปหลอกฟ้าฝนยังงั้น
เอายังงี้ถ้าบ่าวสาวมันแต่งงานใหม่ ตกให้น้ำท่วมงานบรรลัยไปเลยครับ
ด้วยรักและเคารพ
จบดีกว่า