ทฤษฎีโลกกลม-พรหมลิขิต

Pop Station 

"โลกนี้กลมเกินกว่าที่เราคิดไว้ ถึงมันจะกว้างกว่าที่เราจะเข้าใจ
แต่ความบังเอิญแบบไหนกัน ที่ทำให้คนโน้นรู้จักคนนี้ คนนี้รู้จักกัน และคนเหล่านั้นก็ดันมาวนอยู่รอบๆตัวเรา 

โลกนี้กว้างกว่าที่เราคิดไว้ กลมเกินกว่าที่เราจะเข้าใจจริงๆ"

 

หากมันจะมีอะไรสักอย่างบัญญัติความกลมของโลกใบนี้ไว้ ประโยคข้างต้นดูจะถูกอกและโดนใจอยู่ไม่น้อย

หากเหมารวมเอาทฤษฎีที่ว่า ถัดจากเราไปหกคนเราจะเจอคนรู้จักของกันและกัน หากเราไล่วนกันไปเป็นทอด

ไม่แน่ว่าเราอาจจะหันมามองตาแล้วก็บอกว่า เธอเองเหรอ มันใช่ไหม หรือ อะไรก็แล้วแต่

ไอ้ทฤษฎี Six Degree of Separation นี่ จะว่าไปก็น่ารักดี แต่บางทีมันก็น่าตกใจเอาง่ายๆ

 

6 คนถัดไปเรารู้จักใครกันบ้าง เราจะเจอกันตรงไหนบนสะพานของโชคชะตา

บนถนนที่มีแยกไฟแดงที่ชื่อว่าพรหมลิขิต

บนทางเลี้ยวที่เราอาจจะงงไปบ้าง แต่วาสนาก็จะพาเราไปให้เจอคนนั้น คนนี้

 

คนบางคนอาจจะเกี่ยวเนื่องกันมาจากหนหลังครั้งเก่าในสิ่งที่เรายังพิสูจน์ไม่ได้ แต่เราก็มีคำว่า โชคชะตา วาสนา และพรหมลิขิตไว้เรียกขานสิ่งบังเอิญเหล่านั้น

 

คำเรียกขานและสมมุติฐานต่างๆของทฤษฎีโลกกลม-พรหมลิขิตนั้น

 

บางครั้งมันก็บังเอิญได้อย่างแสบสันต์ และก็หฤหรรษ์ได้อย่างอัศจรรย์ใจ

ในเย็นย่ำของการกินข้าววันหนึ่ง มียอดข้าวเข้ามาเป็นตัวชูโรงให้การสนทนาและรู้จักเพื่อนใหม่ง่ายขึ้น

กระชับวงล้อมเพื่อจะได้กระชับวงรักกันง่ายๆในภายหลัง ว่างั้นเหอะ

 

ใครสักคนเอ่ยว่า เขาเป็นแฟนกับทายาทของร้านผักบุ้งไฟแดงลอยฟ้าที่พิษณุโลก

ผมร้องเอิ๊กดังๆถามไปว่า เอ่อ…ที่อยู่ริมแม่น้ำใช่ไหม

เขาตอบว่าใช่มีร้านเดียว และทุกร้านในประเทศนี้เป็นญาติกัน

 

เขาถามว่ารู้จักใครเหรอ ผมตอบว่าไม่รู้จักใคร แต่เคยไปสร้างวีรกรรมกันไว้สมัยเรียน

กับผองเพื่อนที่น่ารักทั้งหลาย ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า นักเรียนศิลปะที่นั่งกินเหล้ากันถึงเช้า เราสั่งของกินกันทั้งๆที่เด็กเสิร์ฟและพ่อครัวฟุบอยู่โต๊ะถัดไป

 

เราเมินเฉยใส่รถที่นัดมารับเพราะเรายังสนุกกันอยู่ และหากใครสักคนไม่บอกว่าพระอาทิตย์ขึ้น เราก็คงไม่เรียกเด็กมาเก็บเงิน

ทุกครั้งที่ใครสักคนกลับไป หรือผ่านไป ก็จะมองหาร้านผักบุ้งลอยฟ้าร้านนั้นกันเสมอๆ

 

เรานึกถึงคืนวันเก่าๆกันอย่างสนุกในอารมณ์ผสมกับความน่าอายในหลายการกระทำในเช้าวันนั้น

 

มีใครบ้างนะในวงรอบนับนิ้วไปอีกหกคน

ไม่น่าเชื่อว่า คนดังของประเทศผมสามารถรู้จักและถึงตัวได้ในการนับเพียงสองและสามคนถัดไป

 

แน่นอนว่าอย่าได้ถามกลับว่าเขาอยากรู้จักเราไหม เอาแค่นับนิ้วดูว่ามันจะวนไปถึงไหม

 

แน่นอนว่าหลายคนคงบ่นว่า เราจะมารู้จักกันไปทำไม

บางคนอาจจะคิดว่าการรู้จักกันของเราออกไปทางเปลืองใจมากกว่าจะมีอะไรใหม่ๆ

ถ้าใครคิดยังงั้นก็โทษกันไม่ได้ เพราะว่า โลกกลมหรือพรหมลิขิตเท่านั้นที่ทำให้เราและใครต่อใคร มารู้จักทักทายกันได้

 

แต่บางอย่างที่น่าตกใจมากกว่า อาโออิ เล่นหนังไทย

 

มิยาบิ ก็ใกล้ผมเข้ามาแค่นับนิ้วสองคน ไม่น่าเชื่อแต่ก็เป็นไปแล้ว

ส่วนจะเป็นไปได้ไหมที่จะเจอกันจริงๆนี่ไม่มีใครรับประกันได้

 

แต่ไม่เป็นไร เราเจอกันบ่อยๆอยู่แล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

 

จริงๆแล้วไอ้ทฤษฎีโลกกลมนี่ มันก็มีดีตรงที่เวลารักใครเราก็อ้างๆง่ายๆว่า เพราะพรหมลิขิตนะ

ไม่มีอะไรไปมากกว่านั้น

 

เพราะถ้ามากกว่านั้น ต้องลองรักกันนานๆ

แล้วจะเข้าใจคำว่าโทษฐานที่รู้จักกัน จริงๆนะ

ก็อย่างที่บอกล่ะ

 

โลกนี้กลมเกินกว่าที่เราคิดไว้ ถึงมันจะกว้างกว่าที่เราจะเข้าใจ…


 

 

 

 

 

 

 

6 responses

  1. หมายถึงว่า เราเดินมาทางเดียวกันป่ะ หมายความยังงั้นใช่ไหม 5555

  2. พรหมลิขิตเลยเป็นข้ออ้างของยุทธการ ขมิบวงล้อม กระชับความสัมพันธ์

  3. โลกนี้กลมเกินกว่าที่เราคิดไว้จิงๆน้ะบ่อยไปที่ทำให้รู้สึกอย่างนั้น…

Leave a reply to เด็กน้อยสารภี Cancel reply