ผู้ชายชื่อตี๋ และวันดีๆที่แมทชิ่ง

 
บันทึกไว้บนแดดร้อนในวันศุกร์ที่ร้อนแดดและมีเมฆฝนว่า
วันนี้ตอนบ่ายโมงเรามีนัดกับพี่ตี๋ แมทชิ่ง
ในวงการโฆษณาต่างก็รู้กันว่า ตี๋ มแทชิ่งเป็นยังไง
ในวงการอีเวนท์ ต่างก็รู้ดีว่าตี๋ แมทชิ่ง ไม่ธรรมดายังไง
ผู้ชายที่ห้อยตัวลงมาในวันที่ แมทชิ่งเข้าตลาดหุ้น
หลายคนรวมทั้งผมคิดเอาแบบฟังผ่านข่าวว่า เขาบ้าดีและคงอยากดัง
 
จากบ่ายโมงครึ่งเลื่อนไปเรื่อยๆเพราะว่าพี่ตี๋ยังติดประชุมอยู่
ถึงแม้จะมีโอกาสทักกันเล็กๆจากการที่พี่ตี๋เดินออกมาส่งลูกค้า เป็นการทักทายที่สวรลเสเฮฮากันสั้นๆ เพราะลูกค้าพี่ตี๋ก็รู้จักกัน
ถัดจากนั้นมีโจอี้ บอย มาแทรกคุยกับพี่ตี๋ ก่อนเรา
การรอคอยยังทำหน้าที่เลื่อนลอยของมันต่อไป
การนัด CEO ที่มีชื่อเสียงที่สุดคนนึงในประเทศนี้ ย่อมไม่ง่าย
 
เราทำตัวเหมือนควันบุหรี่ในยามบ่าย
คือล่องลอยกับการรอคอยลมสักเฮือกมาพัดความฟุ้งซ่านให้ผ่านออกไป
 
ผมกับเจ้านายคุยกันว่าเราอาจจะมีเวลาจากที่คาดไว้ว่าครึ่งชั่วโมงไม่เกินมาเหลือเป็นห้านาทีไม่น่ามากไปกว่านั้น
 
แล้วพี่ตี๋ก็เดินเข้ามาในห้อง
คำแรกที่เราทักคือ " พี่ พักก่อนไหม คุยนานแล้ว"
คำตอบที่แกบอกคือ เฮ้ยไม่เป็นไร คุยเลย พี่สบายๆ สบาย
แล้วน้องปุ๊กปิ๊ก เลขา สาว แสนสวย และรำรวยความน่ารัก อย่างกับตกจากฟ้ามาก็มิปราณก็เข้ามา
 
ไม่รู้จะมีอะไรจะง่ายไปกว่านี้อีกไหม กับการพูดคุยกับผู้ชายที่ชื่อ ตี๋ แมทชิ่ง
 
พี่ตี๋เล่าเรื่องงาน ความคิด ให้ฟัง
เจ้านายผมถามว่าพี่ตี๋เอาอะไรมาคิดงาน และสร้างความแตกต่างมากมายได้ขนาดนี้
พี่ตี๋ตอบว่า "ม้อนท์ ถ้าเราไม่มีใจนะ เราทำอะไรไม่ได้หรอก หัวใจมันต้องมีก่อน ก่อนที่สมองจะไปสั่งงานที่มือ
               ถ้ามึงไม่เชื่อใจตัวเองนะ มึงจบ เริ่มต้นมึงก็จบแล้วมึงไปต่อไม่ได้ แต่ถ้ามึงเชื่อใจตัวเอง แล้วใจมึงบอกว่ามึงทำได้
               ไม่มีอะไรยากไปกว่านั้นแล้ว เชื่อพี่ดิ
               คนที่ทำอะไรซ้ำๆซากๆ เขาไม่เรียกเพี้ยนนะ เขาเรียกวิกลจริต อย่างพี่เนี่ย ทำไปเหอะ ครั้งแรกพลาด สองพลาด
               สามพลาด แต่พี่เชื่อว่า ทุครั้งมันต้องดีขึ้น จะพลาดไปถึงสิบครั้ง ก็จะรู้ให้ได้ว่ามันพลาดเพราะอะไร
               แต่ไม่มีใครพลาดไปทุกครั้งหรอก พี่เชื่อว่าของดีจริงมันต้องขายได้ ถ้าขายไม่ได้ แสดงว่าของของคุณไม่จริงๆ"
 
หลังจากนั้นเราก็พูดคุยหัวเราะแล้วก็ท้าวความเรื่องต่างๆกันอยากสนุกสนาน
เจ้านายผมถามอะไรง่ายๆว่า พี่ว่าเศรษฐกิจประเทศมันจะแย่ไปกว่านี้ไหมอ่ะพี่ พวกหนูทำงานลำบาก
พี่ตี๋ตอบมาแบบจริงจังว่า
ไม่มีอะไรเหี้ยไปกว่านี้แล้วล่ะน้องเอ้ยยยยยยยย ประเทศเราตอนนี้มันเหี้ยได้ถึงที่สุดแล้ว พี่ไม่รู้จะพูดว่ายังไงไอ้คำว่าเหี้ยเนี่ย แม่งเหี้ยจริงๆ
แกคงหมายถึงเศรษฐกิจน่ะ ซึ่งผมก็คิดว่าแม่งเหี้ยจริงๆน่ะล่ะ
พี่ตี๋ลงท้ายว่าเฮ้ย พี่ต้องไปประชุมต่อว่ะ เดี๋ยวคราวหน้าพวกเอ็งมาคุยกับพี่อีกนะเว้ย เดี๋ยวให้เลขานัดไป
 
น้องปุ๊กปิ๊ก ยิ้มหวานนนนนนนนนนนนนนน พร้อมกับส่งสายตาประมาณว่า น้องเขาเริ่มจะเชื่อว่า รักครั้งแรกระหว่างเรามีจริง
น้องปุ๊กปิ๊กอ่ะ พี่เขินนะจ้องยังงี้
 
ระหว่างทางกลับออกมา เรานั่งกันเงียบๆไม่ได้พูดอะไรกัน
ผมคิดสิ่งพี่ตี๋พูดเอาไว้ หลายประโยค หลายวิธีที่แกเล่าให้ฟังมันไม่ใช่เรื่องของคนอยากดัง
แต่มันคือ copyright แบบ ตี๋ แมทชิ่ง
จาก ครึ่งชั่วโมงที่เราคิดว่าเหลือห้านาทีในตอนแรกเปลี่ยนเป็นชั่วโมงกว่าและน่าจะยาวนานกว่านั้นถ้าพี่แกไม่ติดประชุม
ผมได้ประสบการณ์ที่เอามาใช้ในงานและชีวิตมากมาย
 
ผมแอบคิดภาพว่า วันนึงข้างหน้าผมคงมีโอกาสได้ไปนั่งคุยงานกับพี่ตี๋อีก
คงได้รับฟังประสบการณ์และความคิดแบบที่ว่าคงหาจากคนอื่นไม่ได้ง่ายนัก หรือหาจากที่ไหน
 
ผมเชื่อว่าหลายคนที่ไม่ชอบพี่ตี๋นัก และหลายคนที่ผมได้ยินมองแกเป็นตัวตลก ไอ้บ้า หรือ ลงท้ายว่าเพี้ยน
 
แกมักจะพูดว่า ตัวเตี้ยปากหมาหน้าเหี้ย อย่างพี่นี่ล่ะ ทำได้ ใครทำไม่ได้ แต่ ตี๋ทำได้
 
ผมขำกับความเพี้ยนที่เข้าขั้นอัจฉริยะอย่างพี่ตี๋ไปหลายครั้ง
 
แต่จะว่าไป โลกใบนี้ ก็หมุนแรงเพราะแรงเหวี่ยงของคนเพี้ยนที่เปลี่ยนแปลงโลกมานักต่อนักแล้ว
 
 
**** ภาพประกอบอันนี้ ได้มาตอนไปฉี่ ฮาดี
 
 
คำเตือนสีแดงเขียนไว้ว่า ระหว่างปฏิบัติการฉี่อยู่นั้น หากเกิดอาการคันไข่ ควรเกาอย่างอ่อนโยนและละมุนละม่อม
เพราะการเกาอย่างรุนแรงอาจทำให้พลาดเป้าได้…

5 responses

  1. 555555555+เสียดายจัง เห็นแต่ทฤษฎีมะมีให้ปฏิบัติ อิอิ

  2. เคยได้อ่านประวัติชีวิตแกมาผ่านๆ อ่านแล้วคิดว่า โชคดีที่เราเกิดมาพร้อมกว่าแก แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้ไปไหนไกลมากนักก็คงเหมือนสปริง ไม่มีแรงกดก็ไม่มีแรงส่ง กดไม่แรงก็เด้งได้ไม่ไกล

  3. อ่านแล้วก็แอบคิดไม่ได้ว่าพี่ตี๋ไม่ชวนไปทำงานเหรอคะแต่ดู…ดูเขาแบบกล้าๆ บ้าๆดีเหมือนๆใครแถวนี้ค่ะ

  4. พี่ๆ เปิดมาอ่านของเก่าแล้วอยากถามว่าตอนนี้อยากเปลี่ยนชื่อเรื่องไม๊ อิ๊ๆๆๆ

Leave a reply to Asawasopa Cancel reply